มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชจัดงานปฐมนิเทศนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2557
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 57 มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชจัดงานปฐมนิเทศนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2557 ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคารเพชรรัตน์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
ดร.พิจิตต รัตตกุล อธิการบดี ได้กล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นักศึกษาใหม่ปีนี้ว่า ขอกล่าวในนามของครูทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีความในใจจะบอกนักศึกษาของเราที่เพิ่งผ่านวัยนักเรียนสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก ดังนี้
ประการแรก การเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยแตกต่างจากการเรียนที่ผ่านมา นักศึกษาทุกคนต้องเก็บเกี่ยวความรู้ในทุกขณะไม่ใช่การเรียนในห้องเพียงอย่างเดียว การเก็บเกี่ยวความรู้นั้นอาจเก็บได้จากทั้งตำรา ทั้งประสบการณ์ของจริงที่เราจะพบได้จากในชุมชน เนื่องจากเราเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเมือง การเก็บเกี่ยวองค์ความรู้จึงต้องมีจุดประสงค์สำคัญคือเป็นความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไป วิถีชีวิต รวมทั้งสุขภาพของคนในเมือง
ประการที่สอง ความภาคภูมิใจหลังจากเราจบการศึกษาไปแล้ว บัณฑิตที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแห่งเมือง และทำหน้าที่ให้แก่เมืองอย่างสมศักดิ์ศรี คติของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีว่า ‘สร้างคนเพื่อไปสร้างเมือง’ ซึ่งคำว่าเมืองไม่จำเป็นเฉพาะกทม.เท่านั้น แต่อาจสร้างเมืองตามภูมิภาคเช่นกัน คำว่าเมืองคือที่ที่คนอยู่กันอย่างแออัด มีความเจริญสูง มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และมีภัยอันตรายที่คุกคามเกิดขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้น บัณฑิตที่สร้างเมืองจึงไม่ใช่แค่การลงเสาเข็มปูหลังคาบ้าน แต่ต้องเข้าใจสังคมที่มีความแออัดยัดเยียดและมีความท้าทาย ขอให้บัณฑิตในอนาคตข้างหน้าคำนึงเสมอว่า “เราคือใคร เราคือหมอพยาบาลที่ดูแลคนในบริบทแห่งเมือง”
ประการที่สาม องค์ความรู้ที่นักศึกษาจะได้รับและเก็บเกี่ยวไปนั้นเกิดจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะมาจากการทำหน้าที่ของคณาจารย์ตั้งแต่อดีต นั่นคือการบริการวิชาการให้กับชุมชนเป็นวัตถุประสงค์หลัก ทำให้คณาจารย์ที่มาสอนได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาจากห้วงเวลาที่ทำงานให้กับประชาชนอย่างสม่ำเสมอเหล่านั้น
ประการสุดท้าย อยากให้นักศึกษาทุกคนพินิจพิเคราะห์การตรวจสอบ การวัดผล การประเมินความก้าวหน้าของตนเองอยู่เสมอ การประเมินไม่ใช่แค่ผ่านขึ้นชั้นปีไปได้ แต่อยากให้ทำการประเมินความรู้ศักยภาพตนเองว่าตรงไหนที่พร่องที่ขาดจะได้หามาเติม เพื่อให้บัณฑิตที่จบมีคุณภาพเหนือกว่าบัณฑิตมหาวิทยาลัยแห่งอื่น การจะเหนือกว่าบัณฑิตมหาวิทยาลัยอื่นได้นั้น การประเมินตนเองสม่ำเสมอคือสิ่งที่จะทำให้นักศึกษาทุกคนมีความสามารถและความเก่งกล้าเหนือคนอื่น
ในช่วงท้าย ดร.พิจิตต กล่าวอีกว่า มาตรฐานของคณะพยาบาลเกื้อการุณย์นั้นทำให้เราไม่เหมือนที่อื่น เป็นบุคลิกพิเศษที่เดินสวนกันไม่ว่าตามโรงพยาบาลหรือตึกผู้ป่วยก็เกือบจะบอกได้เลยว่า คนๆนี้มาจากคณะพยาบาลเกื้อการุณย์ เช่นเดียวกับคณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาลที่ได้รับความนิยมในการเข้ามาเรียนอยู่ในอันดับ 4-5 จากโรงเรียนแพทย์นับสิบแห่งในประเทศ ความแข็งแกร่งของคณะแพทย์ยังปรากฏทั่วไปว่าสมัยหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากคืออายุรกรรมและครบถ้วนไปถึงศัลยกรรม สาขาย่อยคือ หัวใจ ทางเดินอาหาร หรือระบบที่ไปเสริมการแพทย์และสุขภาพให้กับการทำงานในเขตต่างๆของ กทม.ได้ชัดเจน จึงอยากให้ดำรงบุคลิกพิเศษไว้นับแต่วันนี้เป็นต้นไป
“ท้ายที่สุดขออวยพรให้ก้าวแรกในวันนี้เป็นก้าวที่มีความมั่นคง มั่นใจ มีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก เป็นก้าวแรกที่เป็นคนที่เก่งกว่าวันนี้ เก่งขึ้น เก่งขึ้นเรื่อยๆ ให้ตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวความรู้และทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยโดยการเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพแห่งเมือง และวันนี้กลับไปที่บ้านให้ไปไหว้พ่อและแม่ที่ทำให้เราเติบโตมาเป็นแพทย์และพยาบาลอย่างความภาคภูมิใจด้วยบุญคุณของท่าน”
ด้าน รศ.ดร.สุดา สุวรรณาภิรมย์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวว่า วิชาชีพของเราเป็นวิชาชีพที่ต้องรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ ต้องเสียสละสูง และมีเกียรติ สังเกตว่าอาชีพที่คนให้ความเคารพมากนั้นมี 2 อาชีพคือ อาชีพหมอพยาบาลและอาชีพครู เมื่อตัดสินใจมาเรียนเส้นทางสายอาชีพนี้ถือว่านักศึกษาได้เสียสละ ดังนั้นขอให้นักศึกษาตั้งใจเรียนและจบออกไปแล้วต้องทำให้สมกับที่คนทั่วไปเคารพและให้เกียรติ
รศ.ดร.สุดา ยังกล่าวถึง สิ่งที่นักศึกษาในยุคนี้จะต้องเผชิญคือ ความเปลี่ยนแปลงทุกๆวันจนเป็นคำว่าโลกาภิวัตน์ที่ไร้พรมแดน ดังที่เห็นได้จากโรคที่เกิดในอาฟริกากับการคมนาคมที่ใกล้เราเข้ามา ดังนั้น ทักษะหรือคุณสมบัติสำคัญ 4 เรื่องที่นักศึกษาในศตวรรษนี้ซึ่งก็คือศตวรรษที่ 21 จะต้องมีคือ
หนึ่งความเป็นพลเมืองโลกซึ่งต้องมีความรับผิดชอบด้วย สองต้องรู้เรื่องสารสนเทศหรือสื่อเทคโนโลยี ในยุคนี้อาจารย์อาจไม่จำเป็นต้องสอนในห้องเยอะแต่สามารถปฏิบัติให้มากขึ้นได้ เพราะนักศึกษาสามารถเรียนได้จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค สื่อการสอนจากมหาวิทยาลัยระดับโลกสามารถที่จะหาจากในนั้นเพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ตัวได้
สามทักษะการใช้ชีวิตและด้านอาชีพที่ประคองตัวได้ด้วยความยืดหยุ่น ปรับเข้ากับสังคมได้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเป็นผู้นำและแสดงออกในทางที่ถูก ประการสุดท้ายคือความเป็นนานาชาติ ซึ่งแม้แต่ในด้านการศึกษาเราจะเห็นว่ามีนักศึกษาต่างชาติมาเรียนมากขึ้น หรืออาจารย์ต่างชาติอาจเข้ามาสอนเราเช่นเดียวกับอาจารย์เราอาจไปสอนในต่างชาติ จะมีการพบปะและทำกิจกรรมร่วมกันรวมทั้งเจอเพื่อนที่ต่างวัฒนธรรมหรือเป็นสังคมของพหุวัฒนธรรม ดังนั้น เวลานี้ภาษาอังกฤษอาจต้องสามารถใช้ได้พอๆกับภาษาไทย ต้องเพิ่มทักษะและติดอาวุธทางปัญญา เรื่องความรู้เชื่อว่าเราไม่เป็นรองใคร แต่ในเรื่องภาษาอังกฤษเรายังติดอยู่
งานประชาสัมพันธ์
โทร 02 244 3860
Email:askans.rector@gmail.com